วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คุณรู้จัก "ผม" ดีแค่ไหน

 คำถามสำหรับหลายๆคน คุณรู้จัก "ผม" ดีแค่ไหน บางคนก็ตอบได้ บางคนก็ตอบไม่ได้ สำหรับวันนี้ ดิฉันจะนำบทความ เกี่ยวกับผม มาฝากกันนะค่ะ

1. ตามธรรมชาติแล้ว เส้นผมของคนเราจะยาวขึ้นเดือนละประมาณ 12 มิลลิเมตร โดยตั้งแต่ผมเริ่มงอกจนกระทั้งผมร่วง กินเวลาประมาณ 3-6 ปี

2. อยากรู้ว่าผมแข็งแรงแค่ไหน ลองดึงผมออกมาเส้นหนึ่ง จับปลายทั้งสองข้างแล้วดึงให้ตึง เส้นผมที่แข็งแรงจะยืดได้อีกราว 30 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะขาดจากกัน ถ้าขาดเร็วกว่านั้น แสดงว่าผมเริ่มมีปัญหา ต้องดูแลอย่างเร่งด่วน

3. การกินอาหารที่มีวิตามินบี และโปรตีน ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ทั้งยังสามารถป้องกันและยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผมได้

ข้อมูลดีๆ จาก หนังสือ Woman

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

7 วิธีที่ทำร้ายเส้นผมของคุณ.....โดยไม่รู้ตัว

สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันได้ศึกษาการดูแลผม ทำให้ได้รู้ว่าหลากหลายอย่างที่เราทำไป ทำให้ทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัวที่ ดิฉันจึงได้ศึกษาและนำมาให้คุณได้อ่าน เพื่อความสุขสดชื่นของเส้นผมของคุณ แล้วคุณจะรู้ว่าการรักษาเส้นผมได้ดีนั้นมีอยู่จริง


1. คุณไม่ควร หวังสีผมสวย โดยไม่ทำอะไร
ใคร ๆ ก็อยากมีสีผมสวยสดใส ราวกับเพิ่งทำสี ออกจากร้านสด ๆ ร้อน ๆ แต่โชคร้ายว่า สีผมสวยสดใส แบบนั้นน่ะไม่มีวันอยู่กับคุณได้ตลอดไป ถ้าคุณไม่ดูแลใส่ใจอย่างจริงจัง สีผมทุกยี่ห้อจะค่อย ๆ ซีดจาง และดูหมองไปตามวันเวลา แต่คุณสามารถช่วยได้ด้วยการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะมีส่วนผสมที่เข้าไปทำปฏิกิริยา กับสารเคมีในสีผม ช่วยให้สีผมสว่างสดใส และดูสดใหม่ ได้นานกว่าหลายเท่านอกจากนี้ ผมที่มีสุขภาพดีจะสามารถยึดเกาะสีให้ติดแน่น ได้มากกว่าผมแห้งเสีย ดังนั้นคุณต้องบำรุง และดูแลเส้นผมด้วยคอนดิชันเนอร์รุ่นบำรุงล้ำลึกเป็นประจำด้วย เพื่อสีผมที่สวยสดใสตลอดไป


   2. คุณไม่ควร ใช้เครื่องมือราคาถูก
รู้ค่ะว่าเงินน่ะหายาก แต่อยากให้คุณลงทุนสักหน่อยกับแปรงหวีผมดี ๆ สักอัน ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะการแปรงผมด้วยแปรงดี ๆ นั้นจะช่วยทำให้เส้นผมของคุณมีสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย การกระตุ้นให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ช่่วยให้เส้นผม เป็นมันเงาไม่ฟุ้งฟู และจัดทรงได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าจะให้เด็ดลองหาแปรง ที่ทำจากขนสัตว์ธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดแรงเสียดทานในการหวีผม และยังช่วยลดความเครียด ให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ อีกด้วย และท้ายสุดอย่าลืมทำความสะอาดหวี และแปรงของคุณอย่างเป็นประจำด้วย



3. คุณไม่ควร ใช้หนังยางรุ่นดึก
ช่วงนี้ฮิตเป็นพิเศษกับการรวบหางม้าเป็นสปริงเด้งดึ๋งตามแคทวอล์กแฟชั่น เราจึงอยากเตือนคุณว่า อย่าได้หลับหูหลับตาหยิบหนังสติ๊กมัดถุงกับข้าวมามัดผมเป็นอันขาด เพราะหนังยางประเภทนั้นจะดึงเส้นผมให้ฉีกขาด แถมยังทำลายเกล็ดผมอีกด้วย ดังนั้นสาวผมยาวทั้งหลายที่ชอบมัดผม ควรหาซื้อหนังยาง ที่ผลิตสำหรับเส้นผมโดยเฉพาะ มาติดกระเป๋าอยู่เสมอเผื่อฉุกเฉิน หรือใช้ที่มัดผมโดนัทที่มีผืนผ้าห่อหุ้มอยู่ด้านนอก ในการมัดผม แค่นี้ก็จะช่วยป้องกันปัญหาผมพันติดหนึบกับหนังสติ๊ก พาลให้ผมขาดวิ่น หรือต้องตัดผมเลยก็เป็นไปได้



4. คุณไม่ควร ใช้ผลิตภัณฑ์ผิด
อย่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพียง เพราะแพ็กเกจที่สะสวย ดูดีมีสไตล์ การเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ความงามทั้งผิวและผม นั้น ต้องเลือกที่คุณสมบัติเป็นหลัก โดยเลือกให้เหมาะกับ สภาพผิวและสภาพผมของเรา แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่พวกเรามักต้องเจอ คือ คำบรรยายสรรพคุณสุดเวอร์ และสับสนบนฉลาก ทำให้เราต้องเวียนหัวทุกครั้งที่ไปช้อปปิ้งด้วยตัวเอง ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่า ผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกจะเหมาะกับเส้นผมของคุณ และได้ผลดีจริง ๆ เราขอแนะนำให้คุณสอบถาม จากช่างผมของคุณจะดีกว่า แต่ถ้าอยากทดลองให้รู้ด้วยตัวเอง ควรซื้อไซส์ทดลองมาใช้ในคราวแรก ถ้าใช้แล้วดี ค่อยลงทุนซื้อไซส์ใหญ่มาใช้ในคราวถัดไป

5. คุณไม่ควร รุนแรงกับผมเปียก
เชื่อได้เลยว่าใครที่ไหนก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ รีบ ๆ สระผม แล้วก็เอาผ้าขนหนู เช็ดถูอย่างเมามัน สางผมด้วยหวีเร็ว ๆ แล้วก็รีบออกจากบ้านไปเพื่อแข่งกับเวลา แต่ความจริงแล้วการหวีผม เมื่อผมเปียกนั้น นับเป็นการทำร้ายเส้นผมอย่างรุนแรงมาก แถมการเช็ดถูผมด้วยผ้าขนหนู ยังเป็นการทำให้เกล็ดผมเปิดออกอีก ส่งผลให้เส้นผมฟุ้งกระจาย ไร้ทิศทางจัดยังไงก็ดูไม่เข้าทรง วิธีที่ถูกต้องก็คือ ค่อย ๆ ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำแล้วบีบเบา ๆ ให้ผมแห้งหมาด จากนั้นใช้หวีซี่ห่างสางผมออกจากกัน แค่นี้เส้นผมก็ยิ้มได้แล้ว



6. คุณไม่ควร โหมใช้ของร้อน
ความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผมและเครื่องรีดผมเป็นประจำนับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับเส้นผม และเห็นผลเร็วยิ่งกว่าสิ่งใด เส้นผมของคุณจะดูหมองในพริบตา แถมยังแห้งเสีย ไม่เข้าท่าได้อย่างเร็วทันใจ ถ้าเลี่ยงการไดร์ผมไม่ได้จริง ๆ พยายามรักษาระยะห่าง ประมาณ 1 ช่วงแขน ห่างจากศีรษะ เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผม รับความร้อนมากเกินไป ความร้อนยังนำพา ความชุ่มชื้นออกจากเส้นผมด้วย ดังนั้นคุณจึงควรใส่คอนดิชันเนอร์ แบบไม่ต้องล้างออก ลงบนเส้นผมทุกครั้งก่อนการใช้ความร้อน เพื่อป้องกันเส้นผมแห้งแตกปลายได้อีกทาง



7. คุณไม่ควร เลื่อนนัดช่างผม
คุณควรเข้าร้านทำผมเพื่อพบกับช่างทำผมเป็นประจำทุก ๆ 8-12 สัปดาห์ เพื่อให้ช่าง ช่วยเล็มปลายผมออก เพราะปลายผมมักจะอ่อนแอมากกว่าโคนผม การได้รับความร้อน หรือสารเคมีต่าง ๆ ก็จะทำลายปลายผม มากกว่าโคนผม การเล็มออกเป็นประจำ จะช่วยป้องกัน การเกิดผมแตกปลายได้เป็นอย่างดี แม้ว่าคุณจะกำลังไว้ผมยาวก็ไม่ควรหยุดเล็มผม เพียงแค่คุณบอกกับช่างผม ว่าคุณกำลังเลี้ยงผมยาว ช่างผมจะช่วยเล็มปลาย เพื่อรักษาทรงให้กับคุณ เพื่อให้ผมของคุณยังดูเป็นทรงสวย ไม่ดูโทรมเกินไป และยังช่วยรักษาสุขภาพผม ให้ดีอยู่เสมอด้วย



อ้างอิงจาก http://brightlives.th.88db.com/beauty/beauty_7hair.htm  และ นิตยสาร Hair ฉบับภาษาไทย

ดิฉันหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ได้อ่านนะค่ะ เมื่อรู้สิ่งที่จะทำร้ายเส้นผมคุณแล้ว อย่าลืมดูแลเส้นผมด้วยนะค่ะ เพื่อเส้นผมที่สวยงาม จะได้อยู่กับเราไปนานๆค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

โครงสร้างของเส้นผม

สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉัน มีข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างของเส้นผม เชื่อได้เลยค่ะ เพื่อนๆส่วนใหญ่คงไม่ทราบถึงโครงสร้างเส้นผมลึกเท่าที่คง ดิฉันเองก็เช่นกันค่ะ ดังนั้น ดิฉันจึงไปหาข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้ทราบและอ่านกันนะค่ะ

โครงสร้างของเส้นผม
 
เส้นผมเป็นสิ่งไม่มีชีวิตประกอบด้วยโครงสร้างโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน เส้นผมมี 3 ส่วนซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันดังนี้
1.เกล็ดผม Cuticle
          เกล็ดผมเป็นโปรตีนที่มีลักษณะซ้อนกันอยู่เป็นวงรอบเส้นผมคล้าย เกล็ดปลาซ้อนกันประมาณ 8-10 ชั้น เกล็ดผมไม่มีสี เป็นเกล็ดใสๆ โปร่งแสงช่วยปกกันการซึมผ่านของสิ่งสกปรกที่จะเข้าไปทำลายเส้นผม และยังปกป้องชั้นเนื้อผมไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น,เม็ดสี รวมถึงน้ำมันตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้ผมดูเป็นเงา เกล็ดผมจะเปิดก็ต่อเมื่อมีความร้อน ความชื้น ทั้งจากธรรมชาติและเคมีบ้างตัวเข้ามาทำปฏิกิริยากับเส้นผมเป็นที่สังเกตว่า ผมที่สุขภาพดีเกล็ดผมจะปิดและเรียงตัวกันดี ส่วนผมที่เริ่มแห้งเสียเกล็ดผมจะฉีกขาดและไม่สามารถเรียงตัวปิดได้ทำให้ เกล็ดผมไม่สามารถปกป้องความชุ่มชื้นภายในและทำให้แห้งเสียเพิ่มขึ้นหากขาด การบำรุง
2.เนื้อผม Cortex               
          เนื้อผมเป็นแหล่งรวมของเม็ดสีเมลานิน โปรตีน เคราติน และเส้นใยโปรตีนที่เกาะเกี่ยวกันกำหนดโครงสร้างตามธรรมชาติ ช่วยให้ผมมีความยืดหยุ่นแข็งแรง มีประมาณ 80% ของเส้นผม ดังนั้นการทำงานเคมีซึ่งต้องเปลี่ยนโครงสร้างและสีผม จึงต้องเข้ามาทำงานที่ชั้นนี้
3.แกนผม Medulla                
          แกนผมเกิดจากโปรตีน และไขมัน แกนผมไม่มีบทบาทในการทำงาน ส่วนมากจะพบในผมที่มีสภาพแข็งแรง และผมเส้นเล็กมักไม่มีแกนผม
 
 
หลักการวิเคราะห์โครงสร้างเส้นผม, สภาพเส้นผม, หนังศีรษะ

 
 1.โครงสร้างเส้นผม   คือลักษณะของเส้นผมธรรมชาติที่มีมาแต่กำเนิด โดยดูจากเส้นผมบริเวณโคน แบ่งออกเป็น
      -ผมเส้นใหญ่
      -ผมธรรมดา
      -ผมเส้นเล็ก

2.สภาพเส้นผม   คือลักษณะของเส้นผมที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยสภาพแวดล้อม หรือสารเคมีต่างๆ โดยดูจากช่วงความยาวของเส้นผมถึงปลายผม แบ่งออกเป็น
      -ผมธรรมดา
      -ผมแห้ง (แสงแดด/การไดร์ผม)
      -ผมผ่านสารเคมี (ดัด/ยืด/สี
)
3.สภาพหนังศีรษะ    คือลักษณะของผิวหนังบริเวณหนังศีรษะ โดยดูจากการแบ่งช่อผมเพื่อให้เห็นหนังศีรษะชัดเจน แบ่งออกเป็น
    
-หนังศีรษะแห้ง  จะเป็นขุยหรือสะเก็ดเล็กๆ
     -หนังศีรษะมัน  มีปริมาณน้ำมันจากหนังศีรษะมากผิดปกติ ผมจะแฉะเร็ว
     -หนังศีรษะเป็นรังแค เป็นขุย หรือเป็นแผ่น
     -หนังศีรษะแพ้ง่าย  เป็นผื่นแดงหรือตุ่มแดง
 
         วงจรชีวิตเส้นผมแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
 
1.ระยะอะนาเจน (Anagen Phase)
                 เป็นระยะเวลางอกงามของเส้นผมซึ่งมีระยะเวลายาวนานประมาณ 2 ปี หรืออาจถึง 6 ปี (เช่นในเด็ก) เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ระยะอะนาเจนนี้จะสั้นลงๆ ในระยะนี้ผมคนเราจะงอกเร็วประมาณ 1 ซ.ม.ต่อเดือน คนที่ไม่ตัดผมเลยตลอดชีวิตก็จะมีผมยาวได้ย่างมากก็ 36 ซ.ม.(ในคนสูงอายุ) ถึง 86 ซ.ม.(ในคนรุ่นๆ)
2.ระยะคะทาเจน (Catagen Phase)
                 เป็นระยะหยุดงอก เส้นผมขาดอาหารมาเลี้ยง ณ ระยะนี้ต่อมผมจะหดเล็กลง แล้วหยุดทำงานนานประมาณ 3 สัปดาห์กว่าๆ

3.ระยะเทโลเจน (Telogen Phase)
                เป็นระยะพักซึ่งกินเวลาประมาณ 3 เดือน ในระยะนี้ผมจะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติ ประมาณร้อยละ 10 ขงต่อมผม (มีประมาณ 100,000 ต่อม) จะอยู่ในระยะนี้ในทุกขณะของชีวิตของคนเรา ผมของคนเราจึงร่วงไม่พร้อมกัน เนื่องจากผมของคนเราผลัดกันร่วง ผลัดกันงอกใหม่นั้นเอง
อ้างอิงจาก http://littlebee61.exteen.com/20090719/entry-5