วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การอบไอน้ำเส้นผม.........ด้วยตัวเอง

  • สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันจะมา แนะนำเคล็ดลับดูแลผมสวยด้วยการอบไอน้ำด้วยตัวเอง สำหรับใครที่ไม่อยาก เสียเงินเข้าร้านเสริมสวย การอบไอน้ำสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง ดังนี้ค่ะ






  • 1.นำครีมอบไอน้ำ คอนดิชั่นเนอร์แบบเข้มข้น หรือเฮนน่ามาหมักผมให้ทั่ว



               











    2.นำผ้าขนหนูมาชุบน้ำอุ่นหมาดๆ แล้วนำมาพันรอบศีรษะปิดผมไว้

     

       

    3.ใช้ไดร์เป่าผมด้วยความร้อนสูงสุด เป่าให้ทั่ว นานประมาณ 10-30 นาที

    เพียงแค่นี้ผมคุณก็จะนุ่มสลวย สวยเหมือนอบไอน้ำในร้านเสริมสวยไม่มีผิดเลยค่ะ

                                                    

     







    สำหรับดิฉัน บางครั้งก็อบไอน้ำ ด้วยตัวเองที่บ้านนะค่ะ สำหรับเพื่อนที่ไม่อยากเสียเงินเข้าร้านเสริมสวย ลองใช้วิธีนี้ดูนะค่ะ

    วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

    การอบไอน้ำ เส้นผม....

    หลายๆคนนะค่ะ ก็ชอบอบไอน้ำเส้นผม เพราะเชื่อว่าการอบไอน้ำ เป็นการบำรุงเส้นผมอย่างหนึ่ง ดิฉันเองเหมือนกัน ที่ชอบอบไอน้ำ เพราะทำให้เส้นผมตรง อีกทั้งยังนุ่นด้วย แต่คุณรู้ไหมค่ะ ว่าการอบไอน้ำ มีกี่รูปแบบ บางคน ไปอาบไอน้ำที่ร้าน ก็ไม่ได้บอกทางร้านว่าอบแบบไหน วันนี้ดิฉันจึงยกตัวอย่าง วิธิการอบไอน้ำ 3 แบบ มาดูกันค่ะ



    1. การอบไอน้ำ แบบโปรตีนไข่
              การอบไอน้ำแบบโปรตีนไข่ จะเป็นการอบไอน้ำแบบธรรมดา โดยการใช้ครีมหมัก ผมผสมโปรตีนไข่ วิธีนี้จะราคาถูกหน่อย








    2. การอบไอน้ำ แบบทำสปาเส้นผม
               การอบไอน้ำแบบทำสปาเส้นผมนี้ คือการเคลือบเส้นผม และยังทำให้ผมนุ่นลื่น บางร้านอาจใช้ครีมหมักผม ของ ลอลีอัล วิธีนี้จะราคาขึ้นมาอีกหน่อย






    3. ไอน้ำ แบบเซรั่ม
              การอบไอน้ำแบบเซรั่ม เป็นการอบไอน้ำ ที่มีราคาแพงสุดใน 3 วิธีนี้ เพราะเป็นการอบไอน้ำ แบบบำรุงล้ำลึก เข้าไปในเส้นผม บำรุงจากภายในเลย








    สำหรับการอบไอน้ำ วันนี้ดิฉันก็ยกตัวอย่างมา ซัก 3 แบบ นะค่ะ แล้วแต่ใครจะเลือกแบบไหนก็ได้ ค่ะ สำหรับ คนที่ต้องการยืดผมแต่ก็ยังเสียดายผม เพราะการยืด จะทำให้เส้นผมเสีย ดังนั้น การอบไอน้ำบ่อยๆก็ จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าหากอบไอน้ำบ่อยๆ ก็จะทำให้เส้นผมปรับสภาพอาจกลายเป็นผมตรงได้ ค่ะ

    สำหรับดิฉันมัก เลือกการอบไอน้ำแบบ ทำสปาเส้นผม เพราะเส้นผมจะนุ่นมาก ค่ะ

    วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

    การดูแลเส้นผมด้วย"พืชผัก สวนครัว"

    สวัสดีค่ะ ใครรู้บ้างค่ะว่าพืชผัก สวนครัวนอกจากจะนำมาทำอาหารแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกนะค่ะ วันนี้ดิฉันจะมาแนะนำ เรื่องการดูแลเส้นผมด้วน "พืชผัก สวนครัว" ค่ะ






    ชะอม
    ถ้าผมขาดชีวิตชีวา เจอลมแรงยังแทบไม่กระดิก แนะนำว่าให้ใช้สูตรชะอม โดยใช้ใบชะอมประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำสะอาด 3 ถ้วยจนเดือด กรองเอาแต่น้ำเขียว ๆ นำไปวางไว้ให้เย็น หลังจากสระผมสะอาดแล้ว นำผ้าขนหนูชุบน้ำชะอมพอหมาด ๆ เช็ดถูให้ทั่วศีรษะ จะช่วยคืนสภาพเส้นผมให้ดีขึ้นได้ และยังช่วยไม่ให้ผมแตกปลายอีกด้วย


    ตะไคร้
    ใช้แก้ปัญหาผมแตกปลายได้ผลดีทีเดียว ให้ใช้ตะไคร้ 2-3 ต้น นำมาตำให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ หลังจากสระผมสะอาดดีแล้วนำน้ำตะไคร้มาชะโลมและนวดให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้สัก 10 นาที จึงล้างออก ทำกันเป็นประจำสัก 2 เดือน


    อ้างอิงจาก http://www.tlcthai.com/

    สำหรับดิฉันนะค่ะ ดิฉันเคยใช้แต่ใบมะกรูด แต่คราวนี้ดิฉันต้องลองใช้ ชะอม กับตะใคร้บ้าง แล้วคุณละค่ะ เคยใช้พืชผักสวนครัวที่หาได้ง่าย และราคาถูก ดูแลสุขภาพผมคุณบ้างไหมค่ะ

    วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

    การดูแลเส้นผมจากการยืด

    ทุกวันนี้นะค่ะ คุณคงจะเห็นว่า ผู้หญิงมีการยืดผมมากขึ้นนะค่ะ เพื่อความสวยงาม อีกทั้งยังสามารถเสริมบุคลิกภาพได้อีกด้วย แต่การดูแลเส้นผมหลังจากการยืดนั้นทำอย่างไร มาดูกันค่ะ
     1.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผม
           ในการทำความสะอาดเส้นผมที่ผ่านการยืดมาควรเลือก แชมพู ที่มีความอ่อนโยนและถนอมเส้นผมเป็นพิเศษไม่ควรเลือกใช้ชมพูที่มีค่าความเป็นด่างสูง(แชมพูในการถนอมผมยืดผมเปิดมาก(ซึ่งมีหน้าที่ในการเก็บรักษาสารอาหารและความชุมชื้นได้ เนื่องจากในขั้นตอนการยืด มีคุณสมบัติทำให้เกล็ดผมเปิดแล้ว) เมื่อเกร็ดผมเปิดมากเส้นผมจะไม่สามารถเก็บรักษาสารอาหารและความชุมชื้นได้ ส่งผลให้ผมแห้ง ชี้ฟูและขาดน้ำหนัก

        2.ทรีตเม้นต์บำรุงเส้นผม

        ทรีตเม้นต์เป็นผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นในการบำรุงเส้นผมที่ผ่านการยืด ทรีตเม้นต์ที่ดีควรมีคุณสมบัติในการช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและสารอาหารที่จำเป็นให้กับเส้นผม ปัจจุบันมีตั้งแต่ทรีตเม้นต์ ซูเปอร์ทรีตเม้นต์และครีมบำรุงเส้นผมให้เลือกมากมายหลายชนิด จนบางครั้งไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรเลือกทรีตเม้นต์ตัวไหนดี วิธีง่ายๆ ในการเลือกทรีตเม้นต์ให้พิจารณาจากส่วนผสมเป็นหลัก(เรื่องกลิ่นเป็นรอง)ซึ่งสามารถสังเกตได้จากฉลากข้างขวด(ถ้าไม่มีฉลากอย่าเสี่ยง)โดยทั่วไปทรีตเม้นต์จะมีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นกับเส้นผม แต่สิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้สำหรับทรีตเม้นต์ที่ดี คือ มีทั้งโปรตีนที่สกัดจากพืชและโปรตีนที่สกัดจากสัตว์แล้วแต่ความต้องการ

           แต่หากเป็นโปรตีนที่มีลักษณะเป็นโมเลกุลขนาดเล็กก็จะยิ่งดีเพราะมันสามารถซึมเข้าสู่เส้นผมเพื่อซ่อมแซมและช่วยชดเชยโปรตีนที่ขาดหายไปได้อย่างล่ำลึกกว่าหากมีเวลาก็อาจเลือกทรีตเม้นต์ชนิดที่หมักไว้แล้วล้างออก ซึ่งในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่ามีทรีตเม้นต์ผลิตออกมาโดยเฉพาะ ถ้าเป็นเซรั่มสีขาวบรรจุในหลอดแก้ววางขายตามร้านขายอุปกรณ์เสริมสวยลองไปถามดู แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลานั่งหมักทรีตเมนต์ก็ไม่ต้องเสียใจเพราะปัจจุบันทรีตเม้นต์ชนิดที่ใช้แล้วไม่ต้องล้างออกก็มีวางขาย เพียงแต่ให้คุณสังเกตคุณสมบัติและส่วนประกอบสักนิดคุณก็จะได้ทรีตเม้นต์ที่ดีกลับไป
       

    3.เซรั่มปิดเกล็ดผม
            เพื่อปกป้องเส้นผมจากมลภาวะและความร้อนจากไดร์เป่าผม สิ่งที่ขาดไม่ได้หลังการทำทรีตเมนต์ทุกครั้งคือเซรั่มทีมีคุณสมบัติช่วยปิดเกล็ดผม อย่าลืมน่ะครับหลังจากที่คุณจ่ายเงินในการทำทรีตเมนต์ราคาแพงแสนแพงแล้ว คุณจะต้องใช้เซรั่มในการปิดเกร็ดผม เพื่อให้สารอาหารและความชุมชื้นอยู่ในเส้นผมได้นานขึ้นโดยเฉพาะที่ผลิตจากสารสกัดจากเมล็ดลินินจะช่วยทำให้เส้นผมเงางามยิ่งขึ้นและที่สำคัญไม่ทิ้งสารตกค้างบนเส้นผมอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วหากไม่อยากจ่ายเงินทำทรีตเมนต์บ่อยๆ ก็อย่าลืมหาเซรั่มดีๆ สักขวดมาปิดเกล็ดผมนะค่ะ
    อ้างอิงจาก http://women.thaiza.com/

    วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

    ล้างสารพิษให้เส้นผม

    สวัสดีค่ะ สำหรับทุกๆวันของหลายๆคน ต้องเจอกับปัญหามากมายที่ทำให้เส้นผมเสีย เช่น ฝุ่น ควัน ความร้อน ฯลฯ ทำให้เส้นผมของเราไม่ได้รับการผ่อนคลายที่ดี วันนี้ดิฉัน วิธีดีดีเกี่ยวกับการล้างสารพิษให้เส้นผมนะค่ะ สำหรับใครที่พอมีเวลาบ้างสำหรับเส้นผมของคุณ ลองนำวิธีเหล่านี้ใช้กันนะค่ะ

    ขั้นตอนการนวด เพื่อคืนพลังชีวิตให้กับหนังศรีษะและเส้นผมนั้น ควรปฏิบัติเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เป็นขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นหลังจากการบำรุงเข้มข้นพิเศษด้วยอินเทนซีฟเซรั่ม แบ่งออกเป็น 8 ท่าง่ายๆ ดังนี้


    ท่าที่ 1 นวดวนทั่วศรีษะ เพื่อกระตุ้นให้เซรั่มซึมเข้าหนังศรีษะและเส้นผม

    ท่าที่ 2 กระตุกเส้นผม เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อศรีษะ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และผ่อนคลายเพื่อให้หนังศรีษะตื่นตัว พร้อมรับการบำรุงเต็มที่

    ท่าที่ 3 นวดขมับเพื่อผ่อนคลาย นวดไล่ลงไปจนสุดปลายผม กระตุ้นให้รูขุมขนขยยายตัว

    ท่าที่ 4 นวดกดไล่จุดทั่วหนังศรีษะ ใช้ปลายนิ้วไล่ทุกนิ้ว นวดตามเข็มนาฬิกา เพื่อให้เซรั่มซึมเข้าสู่หนังศรีษะและเส้นผม

    ท่าที่ 5 นวดกดจุดใต้ท้ายทอย เพื่อให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายความเครียด

    ท่าที่ 6 นวดต้นคอ เพื่อปลดปล่อยความเมื่อยล้าระหว่างวัน

    ท่าที่ 7 กดจุดใต้ท้ายทอย ระหว่างร่องศรีษะด้านล่าง สำหรับผู้ที่นอนหลับยาก ให้หลับสบายตลอดคืน

    ท่าที่ 8 นวดผ่อนคลายไล่จากศรีษะ บ่า แขน และมือ เพื่อการพักผ่อนเต็มที่เหมือนการทำสปาทั้งตัว


    อ้างอิงจาก http://darkdogz.exteen.com

    วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    คุณรู้จัก "ผม" ดีแค่ไหน

     คำถามสำหรับหลายๆคน คุณรู้จัก "ผม" ดีแค่ไหน บางคนก็ตอบได้ บางคนก็ตอบไม่ได้ สำหรับวันนี้ ดิฉันจะนำบทความ เกี่ยวกับผม มาฝากกันนะค่ะ

    1. ตามธรรมชาติแล้ว เส้นผมของคนเราจะยาวขึ้นเดือนละประมาณ 12 มิลลิเมตร โดยตั้งแต่ผมเริ่มงอกจนกระทั้งผมร่วง กินเวลาประมาณ 3-6 ปี

    2. อยากรู้ว่าผมแข็งแรงแค่ไหน ลองดึงผมออกมาเส้นหนึ่ง จับปลายทั้งสองข้างแล้วดึงให้ตึง เส้นผมที่แข็งแรงจะยืดได้อีกราว 30 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะขาดจากกัน ถ้าขาดเร็วกว่านั้น แสดงว่าผมเริ่มมีปัญหา ต้องดูแลอย่างเร่งด่วน

    3. การกินอาหารที่มีวิตามินบี และโปรตีน ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ทั้งยังสามารถป้องกันและยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผมได้

    ข้อมูลดีๆ จาก หนังสือ Woman

    วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    7 วิธีที่ทำร้ายเส้นผมของคุณ.....โดยไม่รู้ตัว

    สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันได้ศึกษาการดูแลผม ทำให้ได้รู้ว่าหลากหลายอย่างที่เราทำไป ทำให้ทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัวที่ ดิฉันจึงได้ศึกษาและนำมาให้คุณได้อ่าน เพื่อความสุขสดชื่นของเส้นผมของคุณ แล้วคุณจะรู้ว่าการรักษาเส้นผมได้ดีนั้นมีอยู่จริง


    1. คุณไม่ควร หวังสีผมสวย โดยไม่ทำอะไร
    ใคร ๆ ก็อยากมีสีผมสวยสดใส ราวกับเพิ่งทำสี ออกจากร้านสด ๆ ร้อน ๆ แต่โชคร้ายว่า สีผมสวยสดใส แบบนั้นน่ะไม่มีวันอยู่กับคุณได้ตลอดไป ถ้าคุณไม่ดูแลใส่ใจอย่างจริงจัง สีผมทุกยี่ห้อจะค่อย ๆ ซีดจาง และดูหมองไปตามวันเวลา แต่คุณสามารถช่วยได้ด้วยการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะมีส่วนผสมที่เข้าไปทำปฏิกิริยา กับสารเคมีในสีผม ช่วยให้สีผมสว่างสดใส และดูสดใหม่ ได้นานกว่าหลายเท่านอกจากนี้ ผมที่มีสุขภาพดีจะสามารถยึดเกาะสีให้ติดแน่น ได้มากกว่าผมแห้งเสีย ดังนั้นคุณต้องบำรุง และดูแลเส้นผมด้วยคอนดิชันเนอร์รุ่นบำรุงล้ำลึกเป็นประจำด้วย เพื่อสีผมที่สวยสดใสตลอดไป


       2. คุณไม่ควร ใช้เครื่องมือราคาถูก
    รู้ค่ะว่าเงินน่ะหายาก แต่อยากให้คุณลงทุนสักหน่อยกับแปรงหวีผมดี ๆ สักอัน ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะการแปรงผมด้วยแปรงดี ๆ นั้นจะช่วยทำให้เส้นผมของคุณมีสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย การกระตุ้นให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ช่่วยให้เส้นผม เป็นมันเงาไม่ฟุ้งฟู และจัดทรงได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าจะให้เด็ดลองหาแปรง ที่ทำจากขนสัตว์ธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดแรงเสียดทานในการหวีผม และยังช่วยลดความเครียด ให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ อีกด้วย และท้ายสุดอย่าลืมทำความสะอาดหวี และแปรงของคุณอย่างเป็นประจำด้วย



    3. คุณไม่ควร ใช้หนังยางรุ่นดึก
    ช่วงนี้ฮิตเป็นพิเศษกับการรวบหางม้าเป็นสปริงเด้งดึ๋งตามแคทวอล์กแฟชั่น เราจึงอยากเตือนคุณว่า อย่าได้หลับหูหลับตาหยิบหนังสติ๊กมัดถุงกับข้าวมามัดผมเป็นอันขาด เพราะหนังยางประเภทนั้นจะดึงเส้นผมให้ฉีกขาด แถมยังทำลายเกล็ดผมอีกด้วย ดังนั้นสาวผมยาวทั้งหลายที่ชอบมัดผม ควรหาซื้อหนังยาง ที่ผลิตสำหรับเส้นผมโดยเฉพาะ มาติดกระเป๋าอยู่เสมอเผื่อฉุกเฉิน หรือใช้ที่มัดผมโดนัทที่มีผืนผ้าห่อหุ้มอยู่ด้านนอก ในการมัดผม แค่นี้ก็จะช่วยป้องกันปัญหาผมพันติดหนึบกับหนังสติ๊ก พาลให้ผมขาดวิ่น หรือต้องตัดผมเลยก็เป็นไปได้



    4. คุณไม่ควร ใช้ผลิตภัณฑ์ผิด
    อย่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพียง เพราะแพ็กเกจที่สะสวย ดูดีมีสไตล์ การเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ความงามทั้งผิวและผม นั้น ต้องเลือกที่คุณสมบัติเป็นหลัก โดยเลือกให้เหมาะกับ สภาพผิวและสภาพผมของเรา แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่พวกเรามักต้องเจอ คือ คำบรรยายสรรพคุณสุดเวอร์ และสับสนบนฉลาก ทำให้เราต้องเวียนหัวทุกครั้งที่ไปช้อปปิ้งด้วยตัวเอง ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่า ผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกจะเหมาะกับเส้นผมของคุณ และได้ผลดีจริง ๆ เราขอแนะนำให้คุณสอบถาม จากช่างผมของคุณจะดีกว่า แต่ถ้าอยากทดลองให้รู้ด้วยตัวเอง ควรซื้อไซส์ทดลองมาใช้ในคราวแรก ถ้าใช้แล้วดี ค่อยลงทุนซื้อไซส์ใหญ่มาใช้ในคราวถัดไป

    5. คุณไม่ควร รุนแรงกับผมเปียก
    เชื่อได้เลยว่าใครที่ไหนก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ รีบ ๆ สระผม แล้วก็เอาผ้าขนหนู เช็ดถูอย่างเมามัน สางผมด้วยหวีเร็ว ๆ แล้วก็รีบออกจากบ้านไปเพื่อแข่งกับเวลา แต่ความจริงแล้วการหวีผม เมื่อผมเปียกนั้น นับเป็นการทำร้ายเส้นผมอย่างรุนแรงมาก แถมการเช็ดถูผมด้วยผ้าขนหนู ยังเป็นการทำให้เกล็ดผมเปิดออกอีก ส่งผลให้เส้นผมฟุ้งกระจาย ไร้ทิศทางจัดยังไงก็ดูไม่เข้าทรง วิธีที่ถูกต้องก็คือ ค่อย ๆ ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำแล้วบีบเบา ๆ ให้ผมแห้งหมาด จากนั้นใช้หวีซี่ห่างสางผมออกจากกัน แค่นี้เส้นผมก็ยิ้มได้แล้ว



    6. คุณไม่ควร โหมใช้ของร้อน
    ความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผมและเครื่องรีดผมเป็นประจำนับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับเส้นผม และเห็นผลเร็วยิ่งกว่าสิ่งใด เส้นผมของคุณจะดูหมองในพริบตา แถมยังแห้งเสีย ไม่เข้าท่าได้อย่างเร็วทันใจ ถ้าเลี่ยงการไดร์ผมไม่ได้จริง ๆ พยายามรักษาระยะห่าง ประมาณ 1 ช่วงแขน ห่างจากศีรษะ เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผม รับความร้อนมากเกินไป ความร้อนยังนำพา ความชุ่มชื้นออกจากเส้นผมด้วย ดังนั้นคุณจึงควรใส่คอนดิชันเนอร์ แบบไม่ต้องล้างออก ลงบนเส้นผมทุกครั้งก่อนการใช้ความร้อน เพื่อป้องกันเส้นผมแห้งแตกปลายได้อีกทาง



    7. คุณไม่ควร เลื่อนนัดช่างผม
    คุณควรเข้าร้านทำผมเพื่อพบกับช่างทำผมเป็นประจำทุก ๆ 8-12 สัปดาห์ เพื่อให้ช่าง ช่วยเล็มปลายผมออก เพราะปลายผมมักจะอ่อนแอมากกว่าโคนผม การได้รับความร้อน หรือสารเคมีต่าง ๆ ก็จะทำลายปลายผม มากกว่าโคนผม การเล็มออกเป็นประจำ จะช่วยป้องกัน การเกิดผมแตกปลายได้เป็นอย่างดี แม้ว่าคุณจะกำลังไว้ผมยาวก็ไม่ควรหยุดเล็มผม เพียงแค่คุณบอกกับช่างผม ว่าคุณกำลังเลี้ยงผมยาว ช่างผมจะช่วยเล็มปลาย เพื่อรักษาทรงให้กับคุณ เพื่อให้ผมของคุณยังดูเป็นทรงสวย ไม่ดูโทรมเกินไป และยังช่วยรักษาสุขภาพผม ให้ดีอยู่เสมอด้วย



    อ้างอิงจาก http://brightlives.th.88db.com/beauty/beauty_7hair.htm  และ นิตยสาร Hair ฉบับภาษาไทย

    ดิฉันหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ได้อ่านนะค่ะ เมื่อรู้สิ่งที่จะทำร้ายเส้นผมคุณแล้ว อย่าลืมดูแลเส้นผมด้วยนะค่ะ เพื่อเส้นผมที่สวยงาม จะได้อยู่กับเราไปนานๆค่ะ